วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สมุนไพรรักษาสิว


ใครทราบบ้างว่า หอมแดงยังมีสรรพคุณช่วยในการรักษาสิว ลบรอยด่างดำที่เกิดจากสิวได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีเรื่องนี้มาฝากกัน...

                    
หอมแดงช่วยในการ รักษาสิวได้ เพราะในหอมแดงสดจะประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหยและสารต่าง ๆ ซึ่งมีคุณสมบัติมากมาย เช่น ลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยเจริญอาหาร และช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียสาเหตุของสิว
วิธีทำ คือ นำหัวหอมแดงสดนำมาฝานเป็นแว่นบาง ๆ หรือทุบเบา ๆ แตะน้ำที่ซึมออกมาจากหัวหอมนำมาทาบาง ๆ บริเวณที่เป็นสิวหรือรอยจุดด่างดำ

แล้วรอยสิวก็จะค่อย ๆ จางหายไปในไม่ช้า
ใครที่เป็นสิว ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปทำตามกันดูได้.

สมุุนไพรรักษาสิว

สมุนไพรรักษาโรคผิวหนังอักเสบจากสิว
สิว เป็นโรคเรื้อรัง พบบ่อยมากเป็นอันดับต้นๆ ของปัญหาโรคผิวหนัง มักเป็นในวัยรุ่น แต่บางครั้งเลยวัยรุ่นไปแล้วก็อาจเป็นได้ ลักษณะที่บ่งบอกว่าเป็นสิวคือ เป็นเม็ดสิวอุดตันที่เรียกกันว่า คอมมิโดน ถ้าเป็นเม็ดนูนเล็กๆ ไม่มีรูเปิดเรียก สิวหัวขาว ถ้ามีรูเปิดที่ผิวหนังมองเห็นเป็นจุดดำอยู่ตรงกลางเรียกสิวหัวดำ นอกจากนี้อาจเกิดเป็นตุ่มนูนเล็กๆ แดงๆ อาจเห็นเป็นตุ่มหนอง ,หรือตุ่มนูนแข็งเม็ดโต หรือตุ่มแดงอักเสบแบบถุงซีสต์ที่เรียกกันว่า สิวหัวช้าง สิวที่สร้างความวิตกมากคือ สิวบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นบริเวณที่พบบ่อย ในบางรายอาจเกิดบริเวณ คอ , หลัง, อก, สาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ฮอร์โมนเพศ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น ต่อมไขมันโตเต็มที่ผลิตน้ำมันมากขึ้น ท่อของต่อมไขมันหนาตัวมีการอุดตัน น้ำมันระบายออกไม่ได้คั่งค้างอยู่ภายใน เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บริเวณนี้แบ่งตัวเพิ่มขึ้น ย่อยสลายไขมันทำให้เกิดความระคายเคือง และท่อต่อมไขมันแตกออก กรดไขมันออกสู่บริเวณข้างเคียงเกิดเป็นสิวอักเสบขึ้น ความรุนแรงของสิวแต่ละคนแตกต่างกันไป บางรายเป็นมากบางรายเป็นน้อย สิวอักเสบอาจกำเริบได้ในช่วงมีความเครียด เช่น อดนอน หรือในผู้หญิงช่วงใกล้มีประจำเดือน นอกจากนี้การบีบแกะสิว จะกระทบกระเทือนและนำเชื้อโรคเกิดการอักเสบมากขึ้น และมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นเมื่อสิวหายแล้ว
สิวแบ่งเป็น 2 ชนิด
1.สิวไม่อักเสบ เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน (COMEDONE) แบ่งเป็น 2 ชนิด
1.1 สิวหัวปิด เห็นเป็นตุ่มเล็ก ๆ หัวขาว ๆ
1.2 สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ
2.สิวอักเสบ คือสิวที่หัวแดง ๆ หรือ เป็นหนอง พวกนี้ก็คือ (COMEDONE) ที่มีการติดเชื้อ(BACTERIA) แทรกซ้อน
ดัง นั้น ถ้าเป็นสิวอักเสบ การทำความสะอาด ใบหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ และการป้องกันไม่ให้มีการอุดตันที่รูขุมขน (COMEDONE) โดยการใช้น้ำเปล่าล้างหน้าในตอนกลางวัน ก็พอจะช่วยให้สิวลดลงหรือป้องกันไม่ให้สิวใหม่เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นสิวอักเสบ คงต้องปรึกษาแพทย์ เพราะต้องใช้ปฏิชีวนะ (กินหรือทาแล้วแต่ความรุนแรงของสิว)
สิวอักเสบควรจะต้องรีบรักษา ถ้าไปแกะหรือบีบหนองออก จะเป็นรอยแผลเป็น บุ๋มตลอดไป รักษายากมาก
การนอนดึกทำให้สิวเพิ่มขึ้น ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นสิวอักเสบ อาจเป็นเพราะ
1.ร่างกายอ่อนแอ เชื้อ Becteria ในสิวทำให้มีการอักเสบมากขึ้น
2.Hormone เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะใน ผู้หญิง ตัวอย่างเช่น บางคนประจำเดือน หรือขณะตั้งครรภ์
จะมีสิวเพิ่มขึ้น

สมุนไพรที่ใช้รักษาสิวได้แก่
ว่านหางจระเข้วิธีใช้ ล้างหน้าเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด ใช้วุ้นจากใบสดทาบริเวณที่มีอาการ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ปล่อยให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก
ข้อควรระวัง ต้องล้างยางสีเหลืองจากขอบใบออกให้หมดก่อนใช้ เนื่องจากมีฤทธิ์ระคายเคืองมาก อาจทำให้เกิดการแพ้ สำหรับผู้ที่ผิวแพ้ง่าย อาจทดลองทาวุ้นบริเวณท้องแขนดูก่อน หากมีผื่นแดงหรือคันไม่ควรใช้ทาหน้า


เปลือกมังคุดบดผง 100%

สรรพคุณที่ โดดเด่นของเปลือกมังคุดที่เรารู้จักใช้กันมานานคือการใช้เปลือกมังคุดในการ รักษาโรคผิว สิวต่างๆ บรรเทาอาการผดผื่น โดยใช้เปลือกมังคุดแห้งมาต้มน้ำอาบ หรือใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดทาบริเวณที่มีอาการ และด้วยคุณสมบัติดังกล่าวนี้เอง เปลือกมังคุดจึงถูกดึงมาเป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สบู่ที่ช่วยบรรเทาโรคผิวหนัง สบู่รักษาสิวฝ้า ซึ่งเป็นที่นิยม จริงๆแล้วเปลือกมังคุดได้รับการพิสูจน์และยืนยัน จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ค้นพบว่า รสฝาดในเปลือกมังคุดมีสารที่เรียกว่า แทนนิน(tannin)ซึ่งมีฤทธิ์สมานแผลช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น สารแซนโทน(Xanthon)ช่วยยับยั้งเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคผิวหนังได้ และสารที่มีชื่อเรียกเฉพาะชื่อเดียวกับมังคุดว่า แมงโกสติน (Mangostin) มีฤทธืช่วยลดการอักเสบ และต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง
ผลวิจัยจะพบว่า เปลือกมังคุด เปลือกทับทิม มีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มาก มีคุณสมบัติการต้านอนุมูลอิสระที่เหมาะสมมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นๆ และพบว่าเปลือกมังคุดประกอบด้วยสารธรรมชาติ GM-1 ซึ่งมี คุณสมบัติเด่น 4 ประการ คือ
1. ระงับการเจริญของเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุสิว
2. ต้านการอักเสบ
3. ต้านอนุมูลอิสระ
4. ช่วยสมานผิว กระชับรูขุมขน

วิธีใช้ ใช้ ผสมน้ำเปล่าเท่านั้นอย่าให้ข้นหรือใสเกินไป พอกหน้าจนแห้งแล้วล้างออก หรือแต้มหัวสิวหนอง ยุบทันใจใน1-2วัน

บัวบกบดผง100%

ผล จากงานวิจัยสกัดสารต้านสิว ในบัวบกมีกลุ่มสารสำคัญจำพวกไตรเทอร์ปีน และกลัยโคไซด์ของไตรเทอร์ปีน ซึ่งเป็นสมุนไพรที่มีผลการวิจัยรองรับมาก มาย ทั้งการศึกษาในสัตว์ ทดลองและในคน โดยพบว่าสารในบัวบกมีฤทธิ์ในการรักษาแผลกระตุ้น การสร้าง collagen เร่งขบวนการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ จึงช่วยเร่งให้แผลหายเร็วขึ้น และมีประโยชน์ในการรักษาแผลเป็นและ keloid โดยสามารถลดการเกิดfibrosis จึงช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นได้
สารสกัดบัวบกยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และต้านอาการแพ้ จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดหรืออักเสบ เนื่องจากแมลงกัดต่อย และลดอาการข้ออักเสบในคนไข้ได้อีกด้วย จากผลการทดลองใช้ครีมบัวบกทาแผลอักเสบหลังผ่าตัด พบว่าช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านจุลินทรีย์ สารสกัดน้ำบัวบกมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อ S.aureus และเชื้ออื่นๆ ที่เป็นสาเหตุของการเกิดหนองได้ โดยผลต่อการเรียนรู้สารสกัดน้ำของบัวบก ขนาด 200 มก./กก. สามารถทำให้การเรียนรู้และความจำของหนูทดลองดีขึ้น ทั้งยังพบว่าสารสกัดบัวบกช่วยเพิ่มความสามารถ ในการเรียนรู้ของหนูที่มีอาการอัลไซเมอร์ได้
จากการวิจัยของ รศ.ดร.วันดี กฤษณพันธ์ อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่าบัวบกชนิดก้านขาว ให้สารสกัดน้อยกว่าบัวบก ชนิดก้านแดง โดยบัวบกทั้งสองชนิด ประกอบด้วยสารสำคัญ asiaticoside และสารอื่นๆ ไม่แตกต่างกัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังได้ศึกษาวิจัยการ นำสารสกัดบัวบกมาผลิต เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายชนิด
โดยพบว่าผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารสกัดบัวบก ในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยในการสมานผิว ป้องกันรอยแผลเป็น ช่วยลดความหยาบกร้านของผิว และลดการสะสมของแบคทีเรียได้อย่างดี บัวบกที่มีฤิทธิ์ฆ่าเชื้อ เมื่อใช้แต้มหัวสิว จากการทดลองในกลุ่มตัวอย่าง พบว่าทำให้สิวแห้งและหายเร็วขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
วิธีใช้ นำมาผสมน้ำสะอาด พอกหน้าแห้งแล้วล้างออก




ทนาคา100%
" ทนาคา" พาสวยด้วยสมุนไพรสืบตำนานโบราณ... เน้นงามแบบผิวพม่าฯ
ถ้า เป็นสมุนไพรไทยที่เกี่ยวกับผิวพรรณละก็ต้องนี่เลย "ขมิ้นชัน" แต่ถ้าเป็นสมุนไพรเคล็ดลับผิวสวยของพม่าก็ต้อง "ทนาคา" หรือ "กระแจะ" ไม้ยืนต้นขนาดเล็กที่เวลานี้ถูกนำมาเป็นส่วนผสม ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหลายหลาก เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า "ไม้ทนาคา" นั้น พม่าใช้ฝนกับหินผสมกับน้ำ ใช้ประทินผิวมาแต่โบราณ จนมีสำนวนเปรียบเทียบว่า "ผิวพม่านัยน์ตาแขก"ผิวสาวพม่าส่วนใหญ่จึงสวย เนียน และผิวค่อนข้างละเอียด เนื้อไม้ทนาคา ซึ่งเป็นสมุนไพรที่พบได้มาก จากทางฝั่งพม่า เมื่อตากแห้งสนิทและนำมาบดผงแล้วสามารถนำมาผสมทำครีมพอกหน้าได้อย่างวิเศษ สามารถผสม
*น้ำผึ้ง(สำหรับคนผิวแห้ง)
*น้ำมะขามเปียก(สำหรับผิวที่ด่างดำ)
*ขมิ้นชัน(สำหรับผิวที่มีสิว)
*นมสดรสจืด(สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มเนียน)
*โยเกิร์ต (สำหรับผิวที่ต้องการความนุ่มและใส)
เมื่อ บดผสมจนเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ก็จะได้ครีมสำหรับพอกหน้าที่มีเนื้อสัมผัสไม่ถึงกับละเอียดนัก ทั้งนี้ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกเผยผิวใหม่ เนื้อครีมอุดมไปด้วยสมุนไพร ที่มีสรรพคุณช่วยประทินผิว มีกลิ่นหอมสมุนไพรธรรมชาติ (ไม่แต่งกลิ่น) และไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิว"

วิธีใช้ เพียงนำครีมผสมให้ข้น(ผสมครั้งต่อครั้ง ห้ามผสมทิ้งไว้) มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที แห้งแล้วใช้มือขัดออก ทำทุกวันก่อนอาบน้ำ แค่สัปดาห์เดียวจะรู้สึกว่าผิวหน้า ที่แห้งหยาบกร้าน กลับมาชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล และดูเนียนขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น ส่วนริ้วรอยจากฝ้า หรือกระ ที่มีอยู่จะค่อยๆ จางลง
*นี่คือภูมิปัญญาจาก สมุนไพรพื้นบ้าน ที่สามารถแต่งเติม ความงามได้ไม่แพ้ครีมของนอก หรืออีกนัย ถ้าคุณได้ลองอาจจะดีกว่าของนอก ถูกกับผิวชาวเอเชียอย่างเรามากกว่าด้วยซ้ำค่ะ*
ข้อมูล ความมหัศจรรย์ของทนาคา จากไทยรัฐ ฉบับวันที่ 21มค।48 หน้า7




โคลน100%
ลี กลงไปในใต้พื้นพิภพปฐพี ลี้ลับด้วยทะเลสาบใต้ดินที่แท้คือสายน้ำแร่อันทรงคุณค่าที่มนุษย์ค้นหา และพบว่าตะกอนโคลนที่ปนเปื้อนมากับน้ำใต้พิภพนั้นช่วยสร้างสรรค์ผิวพรรณให้ ผุดผ่อง และช่วยการหมุนเวียนของโลหิตให้ชีวิตสดใสใครเลยจะรู้ว่า ทั้งปฐพีมีแหล่งโคลนเช่นนี้อยู่เพียงสามแห่งเท่านั้นในโลก และหนึ่งในสามแหล่งนั้น นั่นคือ ภูโคลน แหล่งโคลนสุขภาพของเมืองไทย...ภูโคลน จ.แม่ฮ่องสอน

จาก แหล่งโคลนสุขภาพของเมืองไทย ภูโคลน สู่ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามจากธรรมชาติสำหรับคุณ ภูโคลนคือแหล่งน้ำแร่และโคลนธรรมชาติ ที่มาจากสายน้ำแร่ใต้พื้นดินที่มีความร้อนตั้งแต่ 60-140 องศาเซลเซียส เป็นโคลนเดือดบริสุทธิ์สีดำที่ขึ้นมาพร้อมกับสายน้ำแร่ธรรมชาติที่สะอาดไม่ มีกลิ่นของกำมะถันซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิวหนัง และระบบไหลเวียนโลหิตของมนุษย์

คุณสมบัติ
โคลนสุขภาพ ใช้เพื่อผิวพรรณที่สะอาดใส เนียนนุ่ม
โดยมีคุณสมบัติสามารถดูดซับความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรก
ที่ติดตามรูขุมขนอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด สิว สิวเสี้ยน และริ้วรอยหมองคล้ำ
อีกทั้งส่วนผสมของแร่ธาตุที่สำคัญยังเป็นอาหารบำรุงเซลล์ผิว
และช่วยกระตุ้นให้เซลส์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อหน้าไม่มันปัญ

รายละเอียด คำแนะนำและวิธีใช้
โคลน สุขภาพ เพื่อผิวพรรณสะอาดใส เนียนนุ่มและคงความชุ่มชื้นของสภาพผิวสู่สมดุลธรรมชาติ และยังสามารถดูดซับความมันส่วนเกินและสิ่งสกปรกที่ติดตามรูขุมขนอันเป็น สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวเสี้ยนและสิวอักเสบต่างๆ และริ้วรอยหมองคล้ำอีกทั้งส่วนผสมของแร่ธาตุที่สำคัญยังเป็นอาหารบำรุงเซลส์ ผิวและช่วยกระตุ้นเซลส์ผิวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

โคลนสุขภาพ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100%ไม่มีส่วนผสมหรือแต่งเติมสารสังเคราะห์ของสารเคมีใดๆ จึงเหมาะกับทุกสภาพผิว

วิธีใช้
1. เตรียมส่วนผสมโคลน ลาโบเต้ 1 ช้อนชา เตรียมโยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่มีผลไม้เจือปน 2 - 3 ช้อนชา นำโคลน ลาโบเต้ ผสมกับโยเกิตคนให้เข้ากัน (อาจใช้สมุนไพรไทย นำผึ้ง มะนาว หรือผักผลไม้ ปั่นเช่น แครอท ว่านหางจระเข้ ,แตงกวา )
2. ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาด เช็ดให้แห้ง แล้วนำโคลน ที่ผสมไว้ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้าทิ้งไว้ให้แห้งนานประมาณ 15 – 20 นาที
3. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
**สำหรับผิวแห้งควรใช้เฉพาะโยเกิตพอกหน้าอีกครั้งทิ้งไว้นานประมาณ 10 –15นาที
4.ล้างออก ด้วยน้ำสะอาดเช็ดให้แห้งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดควรใช้น้ำแร่ธรรมชาติ ลาโบเต้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปรับสภาพความสมดุลของผิว

คำแนะนำการใช้

ผิวหน้าที่มีสภาพมันควรใช้ผลิตภัณฑ์ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
ผิวหน้าที่มีสภาพปกติควรใช้ผลิตภัณฑ์ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ผิวหน้าที่มีสภาพแห้งควรใช้ผลิตภัณฑ์ 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง

ว่านนางคำ100%



ว่านนางคำ มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Curcuma amada (aromatica) หัวว่านมีสีเหลืองเข้ม กลิ่นหอม เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งของต้นตำรับความงามโบราณ มีเรื่องเล่ากันว่า "พระนางคลีโอพัตรา" ใช้ว่านนางคำเป็นตัวช่วยประทินผิวให้งดงามอยู่ตลอดเวลา ในหัวว่านนางคำมีสาร curcumin และวิตามินหลายชนิด ช่วยบำรุงผิว ป้องกันเม็ดผดผื่น ช่วยทำสะอาดผิวกาย ลดรอยตกกระและจุดด่างดำ เนียนนุ่ม รักษาผดผื่นคัน และรักษาอาการคันจากการแพ้ตามร่างกายรักษาผิวพรรณให้ดูผุดผ่องสวยงามดี รักษาโรคผิวหนัง

ว่านนางคำจัด เป็นว่านหลักที่นักเล่นว่านสมัยโบราณมักมีไว้ประจำครัวเรือนเสมอเนื่องจาก เป็นว่านที่มีอิทธิคุณสูง และสรรพคุณทางยาก็สามารถใช้ได้มากมายอีกด้วยที่สำคัญว่านนางคำเป็นว่านที่สม เด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสีท่านมักใช้อยู่เป็นประจำ โดยเมื่อเวลาที่ท่านสรงน้ำเสร็จท่านก็จะนำว่านนางคำมาทาศรีษะและตามร่างกาย ท่านมักทำเช่นนี้จนเป็นกิจวัตรจนเรื่องถึงพระเนตรพระกรรณ์ของล้นเกล้ารัชกาล ที่ ๔ และพระองค์ทรงตรัสสรรพยอกว่า “หัวเหลือง” สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)ท่านอาจเล็งเห็นถึงคุณวิเศษที่มีอยู่ในว่านชนิดนี้ก็เป็นได้ถึงได้นำมา ใช้อยู่เสมอๆ

ลักษณะของว่านนางคำจัดอยู่ในตระกูลวงศ์ขิง (Zingiberaceae) แต่มีบางท่านว่าว่านนางคำอยู่ในตระกูลพุทธรักษา ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจผิดโดยอาจใช้มติของตัวเอง แล้วสรุปเอาตามความเข้าใจจึงขอบอกกล่าวกันไว้เพื่อป้องกันการสับสนครับ ลักษณะหัวเป็นแง่งกลมอวบใหญ่เนื้อในหัวสีเหลืองจัด มีกลิ่นหอมเย็น รสฝาดลำต้นมีลักษณะเป็นกาบใหญ่หุ้มรัดเป็นลำค่อนข้างแบนสีเขียว ก้านใบยาวแข็งใบใหญ่สีเขียวเข้ม เส้นแขนงนูนถี่เห็นได้ชัด โคนใบมน ปลายใบเรียวแหลมกระดูกและขอบใบสีแดงเรื่อๆ เฉพาะใบแก่ เป็นพืชล้มลุกเจริญในฤดูฝนและทิ้งใบฝังหัวในฤดูแล้ง

การเลี้ยงว่าน ต้องเข้าใจถึงธรรมชาติของว่านด้วยในกรณีของว่านที่ทิ้งใบฝังหัวเมื่อพ้นหน้า ฝนนั้น หลายท่านไม่เข้าใจคิดว่าว่านตายก็นำหัวไปทิ้ง ซึ่งถ้าว่านฝังหัวก็ไม่ต้องตกใจจากเดิมการรดน้ำในตอนที่ว่านมีใบนั้นให้รดจน ชุ่มแต่ถ้าทิ้งใบเหลือแต่หัวการรดน้ำต้องรดเพียงแค่หมาดๆ หากไปรดมากๆเหมือนตอนมีใบก็อาจทำให้หัวว่านเน่าได้ครับ

ในตำราของอาจารย์หล่อขันแก้ว ปรมาจารย์แห่งวงการว่านไทยท่านกล่าวไว้ว่าว่านนางคำนั้นมี ๓ ชนิดคือ
ชนิดที่ ๑มีลักษณะ ลำต้นแดง ก้านใบแดง ใบเรียวสีเขียว หัวมีเนื้อเป็นสีเหลืองดังหัวขมิ้นเน่า
ชนิดที่ ๒มีลักษณะ ลำต้นเขียว ใบเขียวเนื้อในหัวมีสีขาว
ชนิด ที่ ๓ต้นเขียว กลางใบแดงเนื้อในหัวมีสีเหลืองเข้ม มีกลิ่นหอม รสฝาด ใบโตขนาดใบว่านคันทมาลาในชนิดหลังนี้หาง่าย เป็นที่นิยมมีปลูกกันทั่วไปเป็นชนิดที่แพทย์แผนโบราณนำมาเป็นยา

ประโยชน์ ผู้รู้แต่โบราณนับถือกันมากว่า ว่านนางคำถือเป็นพญาว่านต้นหนึ่งเช่นกันเนื่องจากสามารถคุ้มครองและแก้พิษ ว่านทั้งปวงได้ทั้งยังเป็นว่านที่ปลูกไว้ประจำบ้าน จะเป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมแก่คนที่อยู่ในบ้านนั้น

ทางเภสัชมักนิยมใช้ หัวสดตำให้ละเอียดผสมสุราโรง๔๐ ดีกรี พอกแก้ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก โรคเม็ดผดผื่นคันตามร่างกายมีบางตำราท่านว่านำหัวสดโขลกแช่กับน้ำมันเบนซิน ผสมการบูรเล็กน้อยทาแก้ฟกช้ำหรือปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่ประเด็นหลังนี้ไม่ขอแนะนำครับเพราะผิวหนังอาจเกิดอาการแพ้น้ำมันได้ หรือหากใช้แก้อาการปวดท้อง ถ่ายท้องให้ใช้หัวสดฝนกับน้ำปูนใสกินอาการดังกล่าวจะทุเลาลง หรือจะกินหัวสดๆกับเหล้าขาวก็ได้เช่นเดียวกัน รากใช้เป็นยาขับเสมหะและใช้เป็นยาสมาน แก้โรคท้องร่วงโรคหนองในเรื้อรัง และว่านนางคำสามารถนำมาปรุงเข้ากับยาสมุนไพรอื่นๆ ได้ปัจจุบันตามร้านขายยาแผนโบราณยังคงใช้เป็นตัวยารักษาโรคเช่นเดิมสรรพคุณ ทางยาที่ได้กล่าวไปทั้งหมดหากท่านใดต้องการใช้ต้องปรึกษากับเภสัชกรแผนโบราณ เสียก่อนนะครับเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

วิธีใช้ สำหรับผิวหน้าและผิวกาย ใช้ขัดและพอกผิวโดยผสมกับน้ำ หรือถ้าจะให้ได้ผลดี ควรผสมกับนม หรือโยเกิร์ต กับน้ำผึ้ง จะช่วยทำให้ผิวนุ่มเนียน สวยยิ่งขึ้น

วันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สิวที่หลังขึ้นแก้ไขได้

ปัญหาของสิวที่เกิดขึ้นที่หลัง อาจทำให้เราเสียความมั่นใจเวลาที่เลือกใส่เสื้อผ้า โดยเฉพาะช่วงเวลาที่ต้องใส่ชุดเจ้าสาวสวยๆ  ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวที่หลังหลักๆแล้วมีอยู่ 2 ปัจจัยคือ 1.เกิดจากชีวิตประจำวันของเราเอง 2.เกิดจากฮอร์โมนของเรา บางคนหน้าใส แต่ทำไมสิวที่หลังกลับขึ้นเยอะ วันนี้เรามีวิธีลดการเกิดสิวที่หลังของสาวๆมาฝากกันส่วนสิวที่หลัง ที่เกิดจากฮอร์โมน ให้สังเกตุง่ายๆคือ ขณะที่มีรอบเดือน สิวที่หลังจะขึ้นมากเป็นพิเศษ กรณีนี้ให้ลองปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อหาวิธีป้องกันอย่างถูกวิธี บางคนหันมารับประทานยาคุม เพื่อช่วยในเรื่องของฮอร์โมน โดยที่ไม่ทราบถึงผลข้างเคียง วันนี้เราเลย นำเอาบทสัมภาษณ์ของ ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เพื่อความกระจ่างในเรื่องของการทานยาคุมเพื่อลดสิวกัน

"ยาคุมมีหลาย ประเภท ได้แก่ยาคุมกำเนิดชนิดรวม (combined pills) คือ ยาทุกเม็ดจะมีส่วนประกอบของเอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสเตอโรน (progesterone)ในขนาดเท่ากันทุกเม็ด โดยมีอยู่ 21 เม็ด ส่วนยาคุมชนิด 28 เม็ด อีก 7 เม็ด จะเป็น vitamin, staech หรือ ferrous fumarate ซึ่งเป็นยาคุมที่นิยมใช้กันมากที่สุด

ยาคุมกำเนิดเลียนแบบธรรมชาติ (sequential pills) ยาชุดหนึ่ง 15-16 เม็ดแรก ประกอบด้วยเอสโตรเจนอย่างเดียว ส่วน 4-5 เม็ด หลังจะมีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ทั้งนี้เพื่อเลียนแบบธรรมชาติแต่ปัจจุบันนี้ไม่ใช้ยาคุมกำเนิดเลียนแบบ ธรรมชาติแล้ว เนื่องจากเกิดอาการข้างเคียงมาก และประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดไม่แน่นอน

ส่วน Mini pills ยาทุกเม็ดประกอบด้วยโปรเจสเตอโรนอย่างเดียวในขนาดน้อยมากส่วนใหญ่ใช้รักษา ความผิดปกติของประจำเดือน หรือรับประทานเวลาต้องการเลื่อนประจำเดือน และ Postcoital or morning after pills เป็นยาคุมกำเนิดชั่วคราวที่ใช้ระยะสั้น หลังจากมีเพศสัมพันธ์และกันไม่ให้ตั้งครรภ์ ชนิดนี้มีฮอร์โมนสูง ไม่ควรใช้บ่อยใช้เมื่อจำเป็นจริงๆ

เนื่องจากยาคุมมีหลายอย่างเพราะ ฉะนั้นจะบอกว่ายาคุมทุกชนิดทำให้ผิวพรรณดี


วิธีลดการเกิดสิวที่หลังจากชีวิตประจำวันของเรา

- ขณะอาบน้ำ ให้สระผมก่อนเป็นอันดับแรก พยายามอย่าให้เส้นผมและน้ำยาสระผมไหลลงไปสัมผัสกับหลังตัวเองให้มากที่สุด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดมากๆหลายๆรอบเพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง(หรือลอง เปลี่ยนน้ำยาสระผมเป็นยี่ห้ออื่น ต้องเลือกที่เหมาะสมกับสภาพผมและหนังศรีษะด้วย)

- หลังสระผม ให้ใช้โพมล้างหน้าที่คุณใช้ ทำความสะอาดที่หลังเพื่อล้างทำความสะอาดด้วย(ต้องเป็นโฟมล้างหน้าที่เหมาะ กับผิวตัวเอง) ค่อยๆถูเพื่อไม่ให้ระคายเคือง

- ให้งดการใช้สบู่เหลว(หรือ เปลี่ยนเป็นแบบอ่อน ไม่มีสารเคมีตกค้างแทน) แต่แนะนำให้มาใช้สบู่ก้อนที่มีคุณสมบัติที่ลดแบคทีเรีย 24 ชั่วโมง หรือสบู่ที่ใช้ในการรักษาสิวโดยเฉพาะ(ถ้าเป็นไปได้ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ หรือถ้าใช้แล้วเกิดอาการแพ้ให้หยุดใช้ทันที)

- หลังอาบน้ำเสร็จ ระวังอย่าให้เส้นผมที่เปียก สัมผัสกับหลังของตัวเอง เช็ดตัวและเป่าผมให้แห้ง ย้ำว่าให้แห้ง ทุกครั้งก่อนจะสวมใส่เสื้อผ้า

- เสื้อผ้าที่สวมใส่ ควรเป็นผ้าที่ไม่ทำให้ระคายเคืองต่อผิว อย่างเช่น ผ้าที่มีความนิ่มและยืดหยุ่นได้ดี เพราะถ้าเนื้อผ้าแข็งกระด้าง อาจจะไปสัมผัสและเสียดสีผิวที่หลังทำให้ระคายเคืองได้

- ลองเปลี่ยนผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่เราใช้อยู่เป็นแบบอื่น ควรซักน้ำสะอาดหลายๆรอบเพื่อป้องกันสารเคมีตกค้างติดไปกับเสื้อผ้าที่เราสวมใส่

- ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอน ควรซักเป็นประจำ และอย่าลืมซักน้ำสะอาดหลายๆรอบ เพื่อล้างสารเคมีที่อาจตกค้างได้ ถ้าไม่มีเวลาซัก ควรนำไปตากแดดและตบฝุ่นออกจากที่นอนและหมอนด้วย

- ทายาป้องกันเชื่อแบตทีเรีย หรือยาลดการอักเสบของสิว ที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป ทาบริเวณหลังที่เกิดสิวก่อนนอนทุกครั้ง

- ถ้าชีวิตประจำวันผิว ของเรา ต้องสัมผัสกับแสงแดดตลอด ให้ทาครีมกันแดดด้วย เลือกครีมที่เราเคยใช้แล้วไม่เกิดการระคายเคืองต่อผิว(ถ้าทาครีมแล้วรู้สึก ระคายเคือง หรือถ้าสิวกลับมาขึ้นเยอะบริเวณหลัง ให้ลองหยุดใช้ครีมทันที)

- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อป้องกันรูขุมขนอุดตัน และหลังออกกำลังกายประมาณ 30 นาที ให้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดเสมอ

- ทานผักและผลไม้เป็นประจำ เพื่อช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย และวิตามินที่ได้รับจะไปช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวพรรณได้

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ดูแลสิวบนใบหน้า

  1.น้ำมะนาว
บีบน้ำมะนาวประมาณ 1-2 หยด แต้มไปที่บริเวณสิวด้วยคอตตอนบัดนะครับ จากนั้นก็ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที แล้วล้างออก เพราะมะนาวจะช่วยทำให้เซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว หลุดลอกออกมาจากบริเวณจุดด่างดำ บนใบหน้าหนุ่มๆ ได้ แต่ถ้าผิวของหนุ่มๆ คนไหนที่ไม่แพ้ง่ายล่ะก๊ สามารถแต้มสิวทิ้งไว้ทั้งคืนเลยก็ได้นะครับ

2.มะเขือเทศ
ฝานมะเขือเทศให้เป็นชิ้นบางๆ แล้วหนุ่มๆ ก็นำมาวางบนบริเวณแผลเป็นนะครับ วิตามินซีที่ได้จากมะเขือเทศนี้ จะไปช่วยทำการสมานรอยแผลเป็นได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
3.แอปเปิ้ล
ล้างหน้าให้สะอาด แล้วซับให้แห้ง หลังจากนั้นก็นำเนื้อแอปเปิ้ลครึ่งผล ผสมกับน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อน โต๊ะ แล้วบดรวมกันให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน ทาให้ทั่วใบหน้า หรือจะเน้นบริเวณแผลเป็นอย่างเดียวก็ได้นะครับ และก็ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วล้างออก 
4.น้ำผึ้ง                               
นำน้ำผึ้งมาทาให้ทั่วใบหน้าของหนุ่มๆ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที น้ำผึ้งนั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว และทำให้ผิวของหนุ่มๆ นั้นดูนวลเนียนขึ้น ทำให้รอยแผลเป็นค่อยๆ จางลงไป
5.น้ำมันลาเวนเดอร์          
ใช้น้ำมันลาเวนเดอร์ แต้มบนแผลเป็นจากสิววันละ 2 ครั้ง โดยต้องทาทุกวันนะครับ เพราะจะยิ่งช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวของหนุ่มๆ นั้นจางลงได้เร็วขึ้น
6.สูตรพอกหน้าทุกชนิด    
                                 
ไม่ว่าจะเป็นสูตรสุดฮิตอย่าง น้ำมะนาว+น้ำผึ้ง, น้ำนม+โยเกิร์ต หรือสูตรจากผลไม้ต่างๆ ก็แล้วแต่ ขอให้หนุ่มๆ พอกหน้าเป็นประจำทุกวัน คุณค่าที่ได้จากธรรมชาติเหล่านี้ ก็จะช่วยลดปัญหาเรื่องผิวของหนุ่มๆ ได้ทุกชนิดเลยล่ะครับ
7.ดื่มน้ำสะอาด               
                                                
การดื่มน้ำเยอะๆ นั้นก็สามารถช่วยทำให้แผลเป็นจากสิวหายได้ด้วยนะครับ เพราะน้ำเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย ถ้าหากว่าร่างกายของหนุ่มๆ ได้รับน้ำในปริมาณที่พอเหมาะล่ะก็ น้ำก็จะสามารถเข้าไปทำการเติมเต็ม และซ่อมแซมร่องรอยแผลเป็นต่างๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ
                                                      
          การใช้อุณหภูมิของน้ำในการล้างหน้าก็สำคัญนะค่ะ หลายตำราบอกว่าควรเปิดรูขุมขนโดยใช้น้ำอุ่นเพราะจะทำความสะอาดได้ล้ำลึก แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้น้ำอุ่น ก็อาจจะไปเป็นให้รูขุมขนกว้างขึ้น และสังเกตเห็นได้ชัดมากขึ้น ส่วนน้ำเย็นถึงแม้จะช่วยปิดรูขุมขน แต่หากเย็นเกินไป ผิวก็เสียสมดุลได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น สาว ๆ สามารถล้างหน้าโดยใช้น้ำตามอุณหภูมิห้องได้ตามปกตินะค่ะ เพราะนอกจากจะไม่เกิดผลเสียใด ๆ แล้ว  ยังไม่ยุ่งยากในการเตรียมน้ำอีกด้วยคะ
วิธีการล้างหน้าที่ถูกต้อง

          ควรชโลมหน้าให้เปียก 1 ครั้งเพื่อความชุ่มชื่นและปรับสภาพใบหน้าให้เข้ากับอุณหภูมิน้ำ บีบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวลงบนฝ่ามือในปริมาณที่พอเหมาะ แล้วนำน้ำหยดลงบนฝ่ามือเล็กน้อย แล้วใช้มืออีกข้างถูเบา ๆ ประมาณ 10-15 วินาที จนไม่เหลือเนื้อโฟม นำมานวดบนใบหน้า โดยทำความสะอาดอย่างเบามือที่สุด โดยเริ่มล้างจากกลางใบหน้าไปยังด้านข้างขวาและซ้าย ทำซ้ำประมาณ 2 นาที แล้วใช้น้ำเปล่าล้างตามให้สะอาดหมดจดค่ะ

ข้อห้ามในการล้างหน้า!

          สาว ๆ รู้มั๊ยค่ะว่าอย่าบีบโฟมล้างหน้าลงบนใบหน้าโดยตรง โดยไม่ถูให้เกิดฟองก่อน เพราะเนื้อโฟมที่ยังไม่แตกตัว อาจเข้าไปอุดตันในรูขุมขน หากทำความสะอาดไม่หมด จะทำให้เกิดสิวและริ้วรอยตามมาได้
ผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าที่เราขอแนะนำ
          วันนี้ทางเราขอแนะนำโฟมล้างหน้าแบบไม่มีฟอง Smooth-E White Babyface Foam ที่มั่นใจได้ว่าไม่ทิ้งสารตกค้างในรูขุมขน เพราะปราศจากสารเคมีเติมแต่งที่ทำให้เกิดฟอง (Sodium Lauryl Sulfate: SLS) จึงไม่ทิ้งประจุไฟฟ้าอันเป็นสาเหตุสำคัญของอาการอักเสบในชั้นผิวภายใน ยิ่งถ้าหากคุณเป็นสาวที่รักผิวขาวกระจ่างใสแล้วด้วย  ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะช่วยตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอนคะ เพราะมีส่วนผสม Melawhite จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิดปกติ พร้อมผลัดเซลล์ผิวให้ขาวเนียนใส เปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ จนคุณรู้สึกได้เพียงครั้งแรกที่ใช้

          นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมจากธรรมชาติอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น Natural Vitamin E และ Aloe Vera ที่ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ผลิตภัณฑ์ตัวนี้อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว แม้แต่ผิวที่บอบบางแพ้ง่าย และแนะนำให้ใช้โดยแพทย์ผิวหนังด้วยคะ                                                                                                                    

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

สิวที่ใบหน้า

วิธีรักษาสิว แบบบ้าน ๆ รักษารอยสิวด้วยน่ะ  ตอน แรกผมจะตั้งกระทู้ตอนเย็นเพราะไม่มีอารมณ์ จะตั้ง เศร้าอยู่ครับ แต่ ไม่อยากเอามารวมกัน ยังมีคนเป็นสิวอีกเยอะที่ต้องการจะหาย แล้วผมก็เข้าใจพวกคุณ วิธีนี้ผมลองกับตัวเองแล้วหาย โดยลักษณะสิวที่ผมเป็นคือ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน สิวอักเสบ ที่รำคาญใจที่สุดคือ สิวอุดตัน เพราะ แต่ก่อนมีมาตลอด ตอนเช้าหาย ตอนบ่ายขึ้น นี่คือสิวผด เป็นบ่อยเหมือนกันแต่ตอนนี้หายแล้ว ถ้าคุณไปรักษาตามคลีนิค คุณหายแน่ แต่ พอคุณหมดเงิน คุณก็จะกลับมาเป็นอีก เก็บเงินไว้ซื้ออาหารดูแลคนที่คุณรักดีกว่า พ่อ และ แม่ไง เข้าเรื่อเลยน่ะ 1. ดีเกลือฝรั่ง ผมซื้อที่ร้านขายยาตรงสามเสน ดีเกลือฝรั่ง จะมีขายตามร้านขายยาแผนโบราณ มีฤทธิ์ เป็นยาระบาย เคยได้ยินไม่ ถ้าไม่ถ่ายจะเป็น สิว แต่ดีเกลือฝรั่ง มีฤทธิ์ ขับน้ำเหลืองเสีย ออกไปจาก่ายกาย เคยไหม บีบสิว แล้วพอเค้นเลือดออกหมด จาเจอกับ คุณน้ำเหลือง นั้นแหระ มัอยู่ใต้ผิวหนัง ผมซื้อดีเกลือมา ขีดล่ะ 15 บาท ผมซื้อมา 3 ขีด เอามาเก็บใส่ขวดโหล ไว้อย่าให้โดนความชื้น น่ะ เพราะมันจะจับตัวเป็นก้อน วิธีกิน สัปดาห์ละครั้ง ครั้งละ 1 ช้อชาไม่ต้องช้อนชาเต็มน่ะ เอาพอดี ๆ ต่อน้ำ 1 แก้ว รสชาติจาขม ๆ ๆ เฝือด ๆ นิดนึง เตือนน่ะ กินแล้วจา จู๊ด ๆ ๆ แต่ผมไม่เห็นจู๊ด ๆ เลยแค่ฉี่บ่อย

2. ยาแอสไพริน หรือ ยาพาราเซตามอล ยาที่คุณกินแก้ปวดลดไข้ เอาน้ำมานิดนึง จะบอกไงดีอ่า คุณแบมือ เอายาวางลงไป1 เม็ด งอมือ ให้มันอุ้มน้ำได้ หยดลงไปให้ท่วมยา เดินไปดูโทรทัศน์ สัก 1 นาที ยืนร้องเพลงก็ได้ ให้ยามาละลาย มา ละลายไวมากมาย เอามาทาหน้า เป็นครีม มาร์ก ทาทิ้งไว้แล้วคุณจะไปนอนก็ได้ แต่ผมทาทิ้งไว้ ตอนอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ บางวัน อย่าบ่อยนักเพราะหน้าคุณจะแห้ง แต่ก็ไม่แห้งมากเหมาะกับคนที่ผิวมันอ่า ผมทำทุกวันน่ะ หรือบางคนจะเอาเป็นยาทัมใจ หรือยาทันใจ ก็ได้น่ะ เป็นผง ๆ มาผสม น้ำ เยี่ยม อ้อ เวลา ทาตอนแรก ๆ เมื่อมันแห้ง คุณอาจจะจาม เพราะผมก็จาม ไม่แปลก ข้อเสีย อันนี้คือ เวลาคุณทำอะไร ผงที่หน้าคุณมานจะร่วม หน้าคุณจาตึง
3. อันนี้รักษารอยแผลเป็น ราคาแพงจริง แต่เห็นผลเร็วมาก ไปซื้อครีม Scagel ของ CYBELE ราคา 280 มั้ง หลอดเท่า ยาสีฟันขนาดเล็ก ไปหาซื้อมาน่ะ แต่ถ้าคุณไม่มีตัง มาดูข้อต่อไป
4. ไม่มีตังไปซื้อขอเมื่อกี้ใช่ไหมล่ะ ผมมีอีกอันมาบอก ก็คือ หอมแดง เพราะเจลตัวเมื่อกี้มีสารสกัดมาจาก หอมแดง ใช่หอมแดงนี้แหระ อบ่าเพิ่งเข้าครัว มาฟังผมก่อน วิธีนี้ ต้องแรกมาด้วยน้ำตา ปลอกเปลือก หอมแดง หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ๆ เอามาทาที่หน้า ไกล ๆ ตาก็ดีน่ะ จากนั้นคุณจะน้ำตาไหล แสบตา และมีกลิ่น แต่รอยแดงจากสิวคุณก็จะหายน่ะ แต่ใช้เวลาหน่อยน่ะ
5. สิวเสี้ยน อันนี้ ออกแนวหมาอิ่ม คุณนำไข่ต้มมา ต้มในน้ำเดือด เอาให้สุกเลยน่ะ แบบแข็งโป๊ก จากนั้นเอามาแช่น้ำ ให้ไข่อุ่นๆ ๆ ปลอกเปือก เอามาคลึงตรงบริเสวณที่มีสิวเสี้ยน คลึงให้ทั่วหน้าไปเร้ย ( คลึง คือการ กลิ้งไข่ไปมาบนไหน้า) จนไข่เย็น ไหนลองแหวกไข่ดูดิ แล้วดูที่รอบ ๆ ไข่แดง จากนั้นเรียกหมามา โยนให้มันกินซ่ะ คุณจะกินเองก็ไม่ว่า แต่วิธีนี้ ไม่แนะนำเพราะ แม่จะด่า ว่าเสียดายไข่ และเปลืองแก๊ส แต่หมาอิ่ม
6. วิธีนี้ เป็นวิธี แก้หน้ามัน และ ลบรอยแดงสิว มันอาจจะหายช้าหน่อยแต่จะทำให้หน้าขาวขึ้น วิธีการคือ นำมะขามเปียกมาแช่น้ำอุ่น แล้วเอาช้อนกด ให้มัน เข้ากัน เป็นน้ำมะขามเปียก ใส่ผงวิเศษลงไป เพื่อความเข้มข้น แล้วแต่พอประมาณ นำมาทาหน้า มาร์กไว้ เวลาอยู่บ้าน ทำบ่อย  ๆ ๆ หน้าคุณจะขาวไม่มัน ลอยแผลเป็นไม่ไต้องแลดูจางลง แต่มันจะจางลง ผมโฆษณา
7. อันนี้เป็นภายใน และเป็นสิ่งที่คุณควรทำ เพื่อให้หายสิวโดยไว
1. นอนดึกไม่ดีหรอก ไม่ต้องไปนอน ตอนจบตี 1 0 ก็ไปนอนได้แล้วได้ตื่นเช้า ๆ เพราะร่างกายคนเราช่วย    4 ทุ่ม ถึง ตี 2 เป็นช่วงของอะไรสักอย่างนี้แหระ ร่างกายควรได้รัการพักผ่อนตอนนี้
2. กินน้ำเยอะ ๆ ๆ แต่อย่าเยอะเกินไป รักษาโรคไตแพง ควรพอดี ดื่มวันล่ะ 7-8 แก้ว โดยท่สำคัญ ก่อนนอน และ ตื่นลืมตามาดูโลก ระหว่างวัน
3. ผักกินเข้าไปกินเยอะ ๆ ๆ มะเขือเทศ แตงกว่า มันไม่ได้ดีต่อผิวคุณอย่างเดียว มันดีต่อตัวคุณด้วย
4. ออกกำลังกาย ถ้าไม่มีพื้นที่ ไปซื้อเชือกมากระโดดอยู่กับที่ป่ะ ถูกดีด้วย กระโดด วันละ 100 ครั้ง
5 ไม่ทานอาหารรสจัด รสเป็ด มันไม่ดีต่อผิวคุณและยังไม่ดีตอนคุณเข้าห้องน้ำด้วย และไม่ดีต่อ ไตคุณ โอ้ย ไม่ไหว ๆ ๆ
6. อย่าตื่นสาย คุณเคยได้ยินคำโบราณไหม ที่ว่าตื่นสายกาเหยียบหน้า เตี่ยผมสอนประจำว่าอย่าตื่นสาย มันดีต่อคุณหลาย ๆ ๆ อย่างน่ะ เชื่อผมถ้าตื่นเช้า

7. ระวังอย่าให้ท้องผูก ถ่ายให้ตรงเวลา น่ะ
8. คิดดี ทำดี พูดดี ต่อให้คุณหน้าใส แต่ทำแต่เรื่องแย่ ๆ ๆ มันก็ไม่ช่วยอะไรคุณหรอก

สุด ท้ายหายไวไวน้า มีไรก็ หลังไมค์มาหาผมได้ ปล. ทุกตัวอย่างยา ถ้าไม่แน่ใจ ไปSearch ใน Google ได้ก้อดีน่ะ บอกกระจาย ๆ ๆ กันต่อไปด้วย แล้วกระจกไม่ต้องไปส่องบ่อยหรอกครับ แล้ววิธีที่ผมบอก ใช้เวลา อย่าต่ำ 1 สัปดาห์น่ะครับ แล้วคุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลง
 เพิ่ม ข้อ 2
 ส่วนผสม
1. ยาแอสไพริน 500 มก. สัก 2-3 เม็ด แล้วแต่หน้าเล็กหน้าใหญ่
ก้อเดาๆเอาให้รุสึกว่าพอดี (หาซื้อได้ที่วัตสัน ราคา 13 รึ 14 บาท เองค่ะ)

2. เลือกเอาอย่างใดอย่างนึงนะคะ ใช้ ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ 
- นม (อิชั้นใช้นมกล่อง รสจืดค่ะ) น่าจะเหมาะกับผิวผสมถึงแห้ง
- น้ำผึ้ง (ซื้อตามเซเว่นก้อมีค่ะ) น่าจะเหมาะกับผิวมัน
- น้ำเปล่า อุ่นๆ ก้อจะดีค่ะ เหมาะกะคนที่ไม่ชอบเหนอะหนะ

วิธีทำ
1. บดยาให้ละเอียด (อิชั้นใส่ถุงพลาสติกแร้วเอาขวดทุบๆ)
2.เอาผสมกับส่วนผสมที่เหมาะกับเรา
3.มาร์กทิ้งไว้ 15-20 นาที หรือให้แห้ง แร้วล้างทำความสะอาดตามปกติ
4.ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือแร้วแต่ใครหน้ามันก้อทำได้บ่อยกว่านั้น
ผลคือ (อิชั้นลองทั้ง 3 อย่างแร้วค่ะ)
ถ้ามาร์กด้วยนม => รุสึกหน้านิ่มจนรู้สึกได้ แล้วก้อเนียนขึ้นด้วย
อิชั้นชอบ
มาร์กด้วยน้ำผึ้ง => รุสึกว่าไม่มีน้ำมันที่หน้าเลย รุสึกว่าแห้งเกินไป
สำหรับคนผิวผสมอย่างอิชั้นอ่ะ
มาร์กด้วยน้ำเปล่า => รุสึกหน้าแห้งแต่ไม่เท่ากับใช้น้ำผึ้งนะ แระไม่ดีอีก
อย่างนึงพอมันแห้งแร้วขุยของยาจะล่วงอ่ะ อาจเข้า
ตาและจมูกได้

คุณสมบัติของแอสไพรินมาส์ก 1. ช่วยกระชับรูขุมขน
2. ช่วยละลายไขมันที่อยู่ตาม วิธีรักษาสิว แบบบ้าน ๆ รักษารอยสิวด้วยน่ะ  ตอน แรกผมจะตั้งกระทู้ตอนเย็นเพราะไม่มีอารมณ์ จะตั้ง เศร้าอยู่ครับ แต่ ไม่อยากเอามารวมกัน ยังมีคนเป็นสิวอีกเยอะที่ต้องการจะหาย แล้วผมก็เข้าใจพวกคุณ วิธีนี้ผมลองกับตัวเองแล้วหาย โดยลักษณะสิวที่ผมเป็นคือ สิวเสี้ยน สิวอุดตัน สิวอักเสบ ที่รำคาญใจที่สุดคือ สิวอุดตัน เพราะ แต่ก่อนมีมาตลอด ตอนเช้าหาย ตอนบ่ายขึ้น นี่คือสิวผด เป็นบ่อยเหมือนกันแต่ตอนนี้หายแล้ว ถ้าคุณไปรักษาตามคลีนิค คุณหายแน่ แต่ พอคุณหมดเงิน คุณก็จะกลับมาเป็นอีก เก็บเงินไว้ซื้ออาหารดูแลคนที่คุณรักดีกว่า พ่อ และ แม่ไง เข้าเรื่อเลยน่ะ

วิธีทำ
1. บดยาให้ละเอียด (อิชั้นใส่ถุงพลาสติกแร้วเอาขวดทุบๆ)
2.เอาผสมกับส่วนผสมที่เหมาะกับเรา
3.มาร์กทิ้งไว้ 15-20 นาที หรือให้แห้ง แร้วล้างทำความสะอาดตามปกติ
4.ทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือแร้วแต่ใครหน้ามันก้อทำได้บ่อยกว่านั้น
ผลคือ (อิชั้นลองทั้ง 3 อย่างแร้วค่ะ)
ถ้ามาร์กด้วยนม => รุสึกหน้านิ่มจนรู้สึกได้ แล้วก้อเนียนขึ้นด้วย
อิชั้นชอบ
มาร์กด้วยน้ำผึ้ง => รุสึกว่าไม่มีน้ำมันที่หน้าเลย รุสึกว่าแห้งเกินไป
สำหรับคนผิวผสมอย่างอิชั้นอ่ะ
มาร์กด้วยน้ำเปล่า => รุสึกหน้าแห้งแต่ไม่เท่ากับใช้น้ำผึ้งนะ แระไม่ดีอีก
อย่างนึงพอมันแห้งแร้วขุยของยาจะล่วงอ่ะ อาจเข้า
ตาและจมูกได้


คุณสมบัติของแอสไพรินมาส์ก 1. ช่วยกระชับรูขุมขน
2. ช่วยละลายไขมันที่อยู่ตาม
รูขุมขนให้หลุดออก ลดการเกิดสิว
3. ลดการอักเสบของสิวที่แดงๆ
4. ช่วยทำให้หน้าขาว ใสขึ้น
5. ช่วยทำให้หน้ามันน้อยลง
เครดิต ; http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1477302

เคล็ดลับกำจัดสิว...?



เคล็ดลับกำจัดสิว...ที่คุณเองก็ทำได้ 

วิธี กำจัดสิวง่ายๆและได้ผล พิสูจน์มาแล้ว โดยใช้เพียง เกลือป่น จะยี่ห้ออะไรก็ได้ค่ะ แต่แยกใช้จากที่ทำกับข้าวก็ดีนะคะ เช่น ยี่ห้อปรุงทิพย์ เป็นต้น
เอาที่เม็ดละเอียดๆหน่อยจะดีมากๆค่ะ
วิธีการใช้งาน
1. บริเวณหน้า ให้เทเกลือป่นที่มือแล้วใช้นิ้วแตะเกลือไปแต้มบริเวณที่มีสิว
ขึ้น บนผิวหน้าที่เปียกอยู่หรือทาทั้งหน้าเว้นรอบดวงตาและปาก(ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่มันเค็มเท่านั้นเอง)   ทิ้งไว้สักครู่ ไม่ต้องขัด
พอรู้สึกยิบๆที่ หน้าก็ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าแต่ถ้าตรงไหนมีบาดแผลอยู่แล้วมัน จะรู้สึกแสบมากกว่าเดิม ทนเอาค่ะ เพราะเกลือช่วยรักษาแผล
มัน จะแห้งไว Note: หลังใช้เกลือป่น ภายใน 1 - 2 วัน จะสังเกตุเห็นได้ว่าถ้าเป็นสิวฝังจะยุบหายไป เมื่อกดจะไม่รู้สึกเจ็บ ถ้าเป็นสิวผด จะลดลง
ถ้าเป็นสิวอักเสบและมีแผลที่เกิดจากการแกะสิว จะแห้งไวมากภายใน 1 ครั้งที่ทำจะเห็นผลชัดเจน

2.บริเวณลำตัว
หลัง ฟอกสบู่เรียบร้อยแล้วและล้างน้ำเปล่าแล้ว ให้เทเกลือป่นลงไปแล้วใช้มือปาดให้ทั่วบริเวณเช่นหลัง หน้าอก คอ แขน ขา รักแร้ ทิ้งไว้สักครู่ ไม่ต้องขัด
หรือหากจะขัดต้องทำด้วยความเบามือมากๆเพราะเกลือจะบาดผิวเอาได้ พอรู้สึกยิบๆก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่า
Note: ภายใน 1 - 2 วันจะรู้สึกว่าขี้ไคลจะหมดไปแม้จะทาโลชั่นหรือกันแดดในปริมาณที่เยอะก็ตาม ถ้าทำติดต่อกันทุกวันในตอนเย็นเป็นระยะเวลานาน
จะสังเกตุเห็นสีผิวมี ความสม่ำเสมอกันบริเวณรักแร้ที่ผ่านการถอนขนโกนขนถ้าใช้เกลือทาพอกไว้สัก ครู่หลังการถอนหรือโกนพอรู้สึกแสบๆยิบๆให้ล้างน้ำเปล่าออก
จะช่วยให้ไม่มีขนคุดเกิดขึ้น รวมทั้งแผลเป็นก็แห้งไวมาก
หากอยาก ลองทำอาจเริ่มที่บริเวณคางก่อนก็ได้ค่ะ ขนาดพี่เองถ้าช่วงวันนั้นของเดือนนี่สิวบุกสุดๆก็ยังรอดเลยค่ะ ยังไงก็ขอให้สาวๆ หน้าใส
ผิวสวยกันทุกๆคนนะคะ อ้อ วิธีการนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ค่ะ บอกต่อและแบ่งปันกันได้ถ้าได้ผลเช่นกันนะคะ อ้ออีกทีค่ะ ได้ผลเช่นไรก็มาบอกเล่าเก้าสิบกันบ้างนะคะ